( 22 ต.ค.64 )  ที่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.มหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์  ตรงศิริ  ผวจ.มหาสารคาม เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย จ.มหาสารคาม โดยมี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมและรายงานสถานการณ์ประจำวัน   
        ข้อมูล ณ วันที่ 22 ต.ค.2564 สถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีเข้าท่วมพื้นที่ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.โกสุมพิสัย 12 ตำบล 101 หมู่บ้าน,อ.กันทรวิชัย 6 ตำบล 74 หมู่บ้าน,อ.เมืองมหาสารคาม 4 ตำบล 38 หมู่บ้าน,อ.เชียงยืน 3 ตำบล 15 หมู่บ้าน,อ.กุดรัง 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน ,ที่นา 114,572 ไร่ พืชไร่ 187 ไร่ มีหมู่บ้านถูกตัดขาด 2 อำเภอ 5 ตำบล 17 หมู่บ้าน ได้แก่ ต.โพนงาม ยางท่าแจ้ง หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย,ต.มะค่า ขามเรียง อ.กันทรวิชัย ต้องสัญจรด้วยรถยกสูงและเรือเท่านั้น  โดยเขื่อนมหาสารคามและเขื่อนวังยาง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น  1 ซม.จากการปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์  เพื่อลดผลกระทบด้านท้ายน้ำ  แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
        ที่ อ.โกสุมพิสัย เชียงยืน และ กันทรวิชัย ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์  ได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำชี  ส่วนอำเภอกุดรัง ระดับน้ำลดลง ซึ่งหากระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง ก็จะสามารถเข้าสำรวจความเสียหายของพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎรได้ ในช่วงต้นเดือน พฤศจิกายน 
        ส่วนในพื้นที่ อ.เมืองมหาสารคาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีรายงาน พนังกันแม่น้ำชี ถนนบ้านม่วง – ท่าตูม รั่วทะลุ น้ำไหล  มีความแรงของน้ำ  เบื้องต้น ผวจ.มหาสารคาม ได้สั่งการทุกหน่วยงาน เร่งแก้ไขสถานการณ์  นำเครื่องจักร   รถแบ็คโฮ  ขนบิ๊กแบ็คอุดรอยรั่ว  พร้อมแจ้งให้ผู้นำท้องที่  ท้องถิ่น  กำนันผู้ใหญ่บ้าน  เร่งแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ ได้แก่ ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี ริมห้วยคะคาง ในพื้นที่ ต.ท่าตูม  ต.เขวา และ ต.ลาดพัฒนา เร่งขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ขนย้ายสัตว์เลี้ยงไว้ในที่ปลอดภัย เคลื่อนย้ายยานพาหนะ และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด 
        นายเกียรติศักดิ์ฯ ผวจ.มหาสารคาม กล่าวว่า ในช่วงนี้เขื่อนอุบลรัตน์ มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ขอให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ เตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และขอให้อำเภอที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จัดตั้งโรงครัวในพื้นที่ ร่วมกับการให้ความช่วยเหลือของภาคเอกชน ในการประกอบอาหารเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน
สุรเดช/ข่าว/22 ต.ค.64