ที่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.มหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์  ตรงศิริ  ผวจ.มหาสารคาม พร้อมด้วย นายธรรมนูญ แก้วคำ รอง ผวจ.มหาสารคาม ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 15 พ.ย.2564 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบใน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.โกสุมพิสัย 13 ตำบล 113 หมู่บ้าน,อ.กันทรวิชัย 7 ตำบล 106 หมู่บ้าน,อ.เมืองมหาสารคาม 5 ตำบล 44 หมู่บ้าน,อ.เชียงยืน 4 ตำบล 22 หมู่บ้าน,อ.กุดรัง 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน ,ที่นา 128,280 ไร่ มีหมู่บ้านถูกตัดขาด 3 อำเภอ 7 ตำบล 25 หมู่บ้าน  
          สถานการณ์น้ำแม่น้ำชี ในภาพรวม ที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.ขอนแก่น ระดับน้ำเข้าสู่เกณฑ์ปกติแล้ว ขณะที่เขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำ 2,678.27 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 110 % วันนี้ระบายน้ำ 21 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งเขื่อนฯจะลดการระบายน้ำลง วันละ 1 ล้าน ลบ.ม.จนเหลือวันละ 18 ล้าน ลบ.ม.หลังจากนั้นจะพิจารณาเพื่อปรับสมดุลน้ำอีกครั้ง ส่วนระดับน้ำตลอดลำน้ำชีในพื้นที่ จ.มหาสารคาม ระดับน้ำลดลง น้ำที่ท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำไหลกลับลงสู่ลำน้ำชีอย่างต่อเนื่อง ด้านโครงการชลประทาน ยังเดินเครื่องสูบน้ำในพื้นที่รับผิดชอบ ปริมาณน้ำลดลงตามลำดับ
         ที่ อ.โกสุมพิสัย ระดับน้ำลดลงทุกพื้นที่เฉลี่ย 8-10 ซม.ยังมีหมู่บ้านที่ถูกตัดขาด 2 หมู่บ้าน คือ บ.หนองขนวน ต.โพนงาม และ บ.ปลาปัด ต.ยางท่าแจ้ง ส่วนถนนรอบบึงกุย ระดับน้ำลดลง แต่มีจุดที่คอสะพานชำรุด รถสัญจรไม่ได้ อยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนพื้นที่ อ.กันทรวิชัย อ.กุดรัง และ อ.เมืองมหาสารคาม ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเกษตรกรที่มีพื้นที่ติดกับคันพนังกั้นแม่น้ำชี เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
         นายเกียรติศักดิ์ฯ ผวจ.มหาสารคาม กล่าวว่า ระดับน้ำลดลงทุกพื้นที่แล้ว คาดว่าใช้เวลาอีกสักระยะจะดีขึ้นตามลำดับ ในจุดที่เป็นแอ่งกระทะ น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมน้ำหมักจุลินทรีย์ หรือ EM Ball ในการปรับสภาพน้ำ เร่งสูบน้ำออกและสำรวจความเสียหายทุกพื้นที่ ส่วนการทำความสะอาดสถานที่ บ้านเรือนถนน และการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ ต้องบูรณาการความร่วมมือกันทุกหน่วยงาน รวมถึงจิตอาสา หลังจากนี้จะมีการถอดบทเรียน นำข้อมูลทุกด้านมาสรุป เพื่อหาแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยของจังหวัดอย่างยั่งยืน ซึ่งทุกหน่วยงานต้องเตรียมแผนงาน โครงการ เอาไว้ เพื่อวางมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยทุกอำเภอ ต้องเตรียม ด้านบุคลากร เรือ วัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น ให้พร้อม เพื่อรับมือสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
สุรเดช/ข่าว/15 พ.ย.64