( 11 ต.ค.64 )  ที่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.มหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.มหาสารคาม พร้อมด้วย นายธรรมนูญ แก้วคำ นายธัญญวัฒน์  ชาญพินิจ รอง ผวจ.มหาสารคาม ประชุมคณะทำงานและรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ประจำวันที่ 11 ต.ค.2564 จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 
         สำหรับข้อมูลแม่น้ำชีในภาพรวม ระดับน้ำสถานีต่างๆ ยังอยู่ในภาวะวิกฤต ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1-1.50 ม.ทุกแห่ง เขื่อนมหาสารคาม ระดับน้ำลดลง 6 ซม.,เขื่อนวังยาง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 23 ซม., สถานี E91 อ.โกสุมพิสัย น้ำล้นตลิ่ง สูง 1.49 ม.มีแนวโน้มระดับลดลง น้ำมีระดับสูงสุดแล้ว เมื่อวันที่ 9 ต.ค.64 สูงกว่าตลิ่ง 1.56 ม.คาดว่าอีก 15-17 วัน น้ำจึงจะต่ำกว่าตลิ่ง,พื้นที่น้ำท่วมประมาณ 20,000 ไร่ 3 อำเภอ (โกสุมพิสัย เชียงยืน กันทรวิชัย ) คาดว่าประมาณ 10-12 วัน จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ 
          อ.เมืองมหาสารคาม มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำชีล้นตลิ่ง 4 ตำบล 24 หมู่บ้าน น้ำท่วมบ้านเรือน 58 หลัง วัด 4 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตร 1,689 ไร่ ไม่มีพื้นที่ถูกตัดขาด ระดับแม่น้ำชี อยู่สูงกว่าระดับน้ำในห้วยคะคาง 3.30 ม.,อ.โกสุมพิสัย ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 1 ม.พื้นที่น้ำท่วม 10 ตำบล 49 หมู่บ้าน พื้นที่ทางการเกษตร 34,509 ไร่ ,หมู่บ้านถูกตัดขาด 14 หมู่บ้าน ,ต.โพนงาม น้ำลดลง 5-10 ซม.,บ.สำโรง ต.ยางท่าแจ้ง น้ำสูงขึ้น 5-10 ซม. โดยถนน บ.เขื่อน-กู่ทอง น้ำไหลพาดถนนทำให้น้ำท่วมเพิ่มอีกจุด ระดับน้ำสูง 30 ซม.และเริ่มไหลเข้าไปทุ่งนาด้านใน ขณะที่อ่างเก็บน้ำบึงกุย ล้นความจุ น้ำล้นเข้าท่วมบ้านในเขต ต.เหล่า บางส่วนในเขตเทศบาล ต.โกสุมพิสัย และที่ ต.เลิงใต้ มีพนังกั้นน้ำของชาวบ้านในพื้นที่ตอนใน แตกอีก 2 จุด น้ำเข้าท่วมพื้นที่นา 300-400 ไร่ , อ.กันทรวิชัย ระดับน้ำสูงขึ้น 45 ซม.พื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 ตำบล 38 หมู่บ้าน 228 ครัวเรือน ไม่มีถนนถูกตัดขาด พืชผลทางการเกษตร 13,471 ไร่ 
         ส่วนจุดที่ยังน่าเป็นห่วง คือ การซ่อมแซมพนังกั้นน้ำ บ.สำโรง ต.ยางท่าแจ้ง อ.โกสุมพิสัย ที่ยังไม่แล้วเสร็จ และมีน้ำไหลท่วมพาดถนน ช่วง บ.ปลาปัด-บ.สำโรง สูงประมาณ 30 ซม. ซึ่งแม่น้ำชีได้ไหลล้นตลิ่งและย้อนเข้ามาปะทะกับคันคลอง ทำให้พนังกั้นลำน้ำชีถูกน้ำกัดเซาะขาด เข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรในเขต อ.โกสุมพิสัย และเชียงยืน โดยวันนี้ กรมทางหลวงชนบท สำนักงานชลประทาน หลายหน่วยงาน รวมทั้งจิตอาสา จะเร่งซ่อมแซม ปิดกั้นทางน้ำที่ไหลย้อนเข้ามา เมื่อปิดเสร็จแล้วจะติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่   
          ทั้งนี้ ผวจ.ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจประตูระบายน้ำ พนังกั้นน้ำ ทุกจุด ว่าชำรุดเสียหายและแก้ไขอย่างเร่งด่วน รวมทั้งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึง และเตรียมพร้อมรับมือจากสภาพอากาศในช่วงวันที่ 13-14 ต.ค.นี้ จะมีฝนตกหนักในพื้นที่ จ.มหาสารคาม ส่วนการคาดการณ์สถานการณ์น้ำในเขตพื้นที่ อ.กันทรวิชัย อ.เมืองมหาสารคาม อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ และ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ระดับน้ำจะสูงเทียบเท่าปี 2554 ซึ่งท่วมที่ลุ่ม 2 ริมฝั่งรับน้ำ ข้างลำน้ำชี และบ้านเรือนที่อยู่นอกพนังกั้นน้ำ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ที่เคยถูกน้ำท่วมปี 2554 ได้ขนย้ายสิ่งของ หรืออพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงที่จังหวัดจัดไว้ และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
สุรเดช/ข่าว/11 ต.ค.64